ว่าด้วยเรื่องเครื่องเสียงใน Jazz
ด้วยความคับข้องใจ(อีกแล้ว)ว่าทำไมเจ้าเครื่องเสียงในน้อง Jazz ของเราถึงต้องไปแอบอิงกับเจ้าไอโฟนนักหนา จะสั่งให้ทำโน่นทำนี่ก็ต้องใช้ Siri อย่างเดียว แม้กระทั่งโปรแกรม HondaLink ของไอโฟนก็ยังมีฟีเจอร์มากกว่ามีแผนที่ให้อีกต่างหาก ทำไมถึงไม่ทำให้คอแอนดรอยด์อย่างเรามั่ง ดังนั้นเมื่อมีคำถามในใจสิ่งที่จะช่วยไขปัญหาได้คือการค้นข้อมูลครับจะได้เคลียร์กันไปเลยว่าทำไม????
นั่นจึงเป็นที่มาของบทความนี้ซึ่งผมจะพยายามอธิบายสิ่งที่ได้จากการค้นข้อมูลเพื่อตอบตัวเอง ดังนั้นข้อมูลอาจจะมีตกหล่นหรือผิดพลาดไปบ้าง ถ้าใครเห็นว่าตรงไหนไม่ถูกต้องก็แย้งมาได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังและแก้ไข ทั้งนี้จะได้เป็นประโยชน์กับอีกหลายๆคนที่อาจจะมีคำถามนี้ในใจเช่นกัน
และแล้วผมก็ได้คำตอบว่าทำไมอะไรๆก็ต้อง Siri นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าเครื่องเสียงของน้องแจ๊สเรานั้นสร้างขึ้นมาบนมาตรฐานที่เรียกกันว่า Apple Carplay หรือเดิมเรียกว่า IOS in the Car นั่นเองครับ แค่เห็นชื่อก็คงได้คำตอบกันแล้วว่าทำไมถึงต้อง Siri เท่านั้น ใครสนใจรายละเอียดลองเข้าไปศึกษาดูได้ครับที่ https://www.apple.com/ios/carplay เข้าไปแล้วก็จะเห็นเจ้าเครื่องเสียงที่หน้าตาเหมือนของน้องแจ๊สเราเลย แต่จริงๆแล้วเจ้า Carplay นี่ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องหน้าตาแบบเดียวกันนี้นะครับ มันไม่เหมือนกับไอโฟน,ไอแพด ไออะไรต่อมิอะไรที่ Apple ทำออกมาขายนะครับ เพราะคำว่า Apple Carplay นั้นจะเรียกว่าเป็นชื่อเรียกมาตรฐานในการเชื่อมต่อกับเจ้าอุปกรณ์ตระกูลไอซะมากกว่า
เพราะ Apple ไม่ได้ทำเองเหมือนเจ้าพวกตระกูลไอที่ Apple ทำเองทั้งฮาร์ดแวร์รวมไปถึงตัวระบบปฏิบัติการเช่น IOS หรือ OSX (เท่าที่ทราบตัวฮาร์ดแวร์เครื่องเสียงของน้องแจ๊สเราทำโดยบริษัทมิตซูบิชิอิเล็กทริคครับ) แต่เป็นเหมือนพิมพ์เขียวให้แต่ละบริษัทนำไปพัฒนาต่อยอดเอาเอง แต่สุดท้ายแล้วเป้าหมายคือสามารถเชื่อมต่อกับ IOS ของไอโฟนและไอแพดเพื่อดึงความสามารถของ Siri และโปรแกรมอื่นๆของ IOS มาใช้ได้นั่นเอง และสิ่งที่น่าภูมิใจคือบริษัท Honda ก็นับเป็นบริษัทแรกๆที่นำเจ้า Carplay เข้ามาใส่ไว้ในรถยนต์พร้อมๆกับบริษัทรถยุโรปเลยครับ เท่ห์มั้ยล่ะ
ลองดู Demo ของบริษัทต่างๆนะครับว่า Carplay เค้าใช้ทำอะไรกันได้บ้าง
รวมๆ Apple Carplay
ฮุนได
วอลโว่
โดยในความคิดส่วนตัวของผมจะว่าไปแล้วในเบื้องต้นนี้ก็ยังไม่ได้น่าตื่นเต้นขนาดที่มันสามารถขับรถแทนเราได้ ดังนั้นมันก็ไม่ได้ต่างจากการสั่งงาน Siri บนไอโฟนทั่วๆไปเท่าไหร่ เพียงแต่มันเป็นการสั่งผ่านเครื่องเสียงจากในรถไปยังไอโฟนอีกที และการแสดงผลมันมาแสดงบนหน้าจอเครื่องเสียงเท่านั้นเอง แต่ในอนาคตอีกไม่นาน(ผมคงจะอยู่ทันได้ดู)น่าจะมีการสั่งงานที่ซับซ้อนกว่านี้แน่ครับ
ส่วนสาวกแอนดรอยด์ไม่ต้องน้อยใจครับ เมื่อเดือนที่ผ่านมาทาง Google ก็ได้เปิดตัวระบบที่ใช้ชื่อว่า Android Auto ซึ่งเท่าที่ดูการทำงานเรียกว่าไม่ต่างกับ Carplay เลย เพราะทางสาย Android เราก็มีตัวสั่งงานด้วยเสียงที่เรียกว่า Google Now ที่ไม่น้อยหน้า Siri เหมือนกัน แถมยังสามารถสั่งงานด้วยภาษาไทยมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว ส่วน Siri นั้นยังต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว(แต่ได้ข่าวว่ากำลังซุ่มพัฒนาระบบภาษาไทยอยู่เหมือนกัน) และเช่นเคยฮอนด้าก็เป็นหนึ่งในค่ายรถยนต์ที่ได้เซ็นต์สัญญากับ Google ว่าจะนำ Android Auto มาใช้ด้วย
Android Auto
แถมให้อีกสำหรับสาวก Windows Phone อย่าคิดว่างานนี้ Microsoft จะยอมนะครับเพราะทาง Microsoft เองก็มี Windows in the Car เหมือนกันครับใช้สั่งงานด้วยเสียงผ่านโปรแกรม Cortana ซึ่งเทียบเท่ากับ Siri และ Google Now นั่นล่ะครับ
Windows in Car
ดังนั้นสิ่งที่น่าจะสร้างความปวดหัวให้กับผู้ซื้อรถในอนาคต นอกจากจะต้องตัดสินใจว่าจะเอายี่ห้อ+รุ่น+สีไหนแล้ว อีกสิ่งที่ต้องเลือกคงจะเป็นเรื่องของเครื่องเสียงนี่ล่ะครับว่าจะเอาของค่ายไหนเพื่อให้เข้ากับโทรศัพท์มือถือที่เราใช้อยู่ เช่นต้องบอกเซลส์ว่าเอา Jazz V+ สีขาว Android Auto หรือ Jazz V+ สีขาว Apple car Play เป็นต้น วันนี้จบแค่นี้ก่อน ไว้มีเวลาจะมาพูดเรื่องของการเชื่อมต่อมือถือกับเครื่องเสียงอีกครั้งครับ